“สงครามห้างไทยเพื่อการแย่งชิงการเป็นแลนด์มาร์กแห่งกรุงเทพฯ ด้วยกลยุทธ์ #Ecosystem” 
การเฉลิมฉลองต้อนรับปีใหม่ 2568 ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าการแข่งขันของ “#ห้างสรรพสินค้า” ในประเทศไทย จัดการได้อย่างยิ่งใหญ่ และมีความน่าสนใจด้วยโครงการ Mixed-use ขนาดใหญ่และต่อยอด Luxury Mall Ecosystem จากผู้เล่นหลักที่เป็นรายใหญ่มีการนำเสนอในแง่มุมที่แตกต่างกัน สรุปได้ดังนี้
#กลุ่มสยามพิวรรธน์ MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) และกลุ่มเจริญโภคภัณฑ์ ได้ร่วมกันสร้างความสำเร็จอย่างยั่งยืน “#ไอคอนสยาม” ทำให้เกิดเป็นแลนด์มาร์ก ระดับโลกริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อสร้างความสุขให้แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้บริโภค ผู้ประกอบการร้านค้าหรือกลุ่มผู้ค้ารายย่อย ชุมชนสังคมและประเทศ ด้วยการพัฒนาและนำเสนอระบบนิเวศของธุรกิจค้าปลีก (Retail Ecosystem) ด้วยการ เปิดพื้นที่เมืองแห่งคนรักษ์โลก “#ECOTOPIA” ณ ชั้น 5 ไอคอนสยาม ในคอนเซปท์ “เราสร้างโลกให้ดีขึ้นได้ด้วยกัน” (Together, We Co-Create a Better World) โดยมาแชร์ประสบการณ์ร่วมกัน ณ คอมมูนิตี้คนหัวใจสีเขียว โดยรวบรวมผลิตภัณฑ์รักษ์โลกกว่า 5,000 สินค้า มาให้ได้เลือกสรร แบ่งออกเป็น 3 โซน คือ
โซน ZERO WASTE LIVING & HOME SOLUTION เป็นแหล่งรวมเครื่องย่อยเศษอาหารให้กลายเป็นปุ๋ยภายใน 24 ชั่วโมงเพื่อลดขยะเศษอาหารในครัวเรือนให้หมดไปอย่างง่ายดาย และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม รวมถึงสินค้า Reuse ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ปลอดภัยต่อคนและสัตว์เลี้ย ไม่ทิ้งสารเคมีตกค้างหลังจากใช้ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โซน NATURAL BEAUTY & WELLNESS รวบรวมสินค้า skincare, personal care และ cosmetics ที่ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ organic ปลอดภัยต่อผิวพรรณ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและไม่ทดลองในสัตว์ อีกทั้งสินค้าจากสมุนไพรไทย และสินค้าเพื่อสุขภาพเพื่อการผ่อนคลาย
โซน CONSCIOUS FASHION & LIFESTYLE เป็นส่วนของสินค้าหมวด Upcycled (One-stop shop for Upcycling and Eco Lifestyle) ที่นำขยะเหลือทิ้งมารีไซเคิลใหม่มาออกแบบให้สวยงามและมีมูลค่าเพิ่ม หมวด Stylist (One-stop shop of Sustainable Fashion) จะรวบรวมสินค้าแฟชั่นรักษ์โลก เช่นฝ้ายออร์แกนิค เศษด้ายหรือเศษผ้า และเส้นใยพลาสติกรีไซเคิล รวมถึงเสื้อผ้ามือสอง#TCC Group ได้พัฒนาโครงการ One Bangkok ในรูปแบบของ luxury Mall Ecosystem ซึ่งแตกต่างจาก Asiatique ที่ถูกนำเสนอเพื่อรองรับการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ การนำเสนอโครงการนี้ เริ่มจากโครงสร้างพื้นฐาน การจัดการระบบข้อมูล และการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อความสะดวกสบาย ด้วย Empower Life in Smart and Sustainable Ecosystem ประกอบด้วยมีพื้นที่มากกว่า 50 ไร่บนที่ดินทั้งหมดของ One Bangkok เป็นพื้นที่สีเขียวและพื้นที่เปิดโล่ง (Open Space) ซึ่งมีทางเดินเชื่อมถึงกันในโครงการภายใน 15 นาทีมุ่งเน้น HUMAN Centricได้รับรางวัล “LEED for Neighborhood Development ระดับ Platinum” จากเวทีระดับเอเชีย Best Landmark Mixed-use Development (Asia) ถือเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ไทยรายแรกที่ได้รับรางวัลนี้
ได้รับรางวัลมาตรฐานรับรองอาคาร WELL เพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อยู่อาศัย และผู้ใช้อาคาร “Best Office Development (Thailand) สำหรับสำนักงาน Tower A” จากเวทีประกาศรางวัล Property Guru Asia Property Awards Grand Fair 2022
คำนึงถึงความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ด้วยการตั้งเป้าเพื่อมุ่งไปสู่การรับรองมาตรฐาน WiredScore และ SmartScore สำหรับกลุ่มอาคารสำนักงานแห่งแรกที่มีระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะแห่งอนาคตที่ดีที่สุด เพื่อช่วยประหยัดพลังงานและความคุ้มค่าในอนาคต#กลุ่มเซ็นทรัล ในฐานะองค์กรกลุ่มค้าปลีกที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่องมีจุดแข็งที่เป็นทำเลทอง มีแบรนด์ระดับโลกเข้าห้าง และ จัดอีเวนต์ใหญ่ตลอดปี มีห้างหรูตัวท็อป ได้แก่ Central World, Central Chidlom, Central Embassy และ Dusit Central Park โดยกลุ่มค้าปลีก “เซ็นทรัล รีเทล” ได้ขับเคลื่อนความยั่งยืนผ่านกลยุทธ์ ReNEW ใน 4 แนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Reduce GHG Emission) ผ่านการใช้รถไฟฟ้า 22 คันในการขนส่งหรือติดตั้งอุปกรณ์ทำความเย็นแบบอนุรักษ์พลังงานในซูเปอร์มาร์เก็ตแล้ว 777 แห่งทั่วประเทศ โดยปัจจุบันมีสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดในธุรกิจแล้ว 12%การสร้างสังคมที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม (Navigate Environmental Responsibility) ทั้งการขับเคลื่อนภายในผ่านพนักงานในองค์กรรวมทั้งการขับเคลื่อนร่วมกับคู่ค้าทางธุรกิจส่งเสริมสินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco-Friendly Materials) โดยปัจจุบันได้เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งการใช้ซ้ำหรือรีไซเคิลได้แล้ว 28%การบริหารจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ (Waste Management Solutions) ผ่านการทำงานร่วมกับกลุ่ม Green Partnership เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการลดขยะภายในกระบวนการทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านตลอดทั้งห่วงโซ่ธุรกิจ
#สรุปได้ว่า หากถ้าต้องการทำธุรกิจให้เติบโตในอุตสาหกรรมและประหยัดต้นทุนด้านทรัพยากร การทำธุรกิจแบบ Ecosystem Businesses คืออีกหนึ่งแนวคิดในการทำธุรกิจให้เป็นทางรอดขององค์กรในยุคใหม่ ซึ่ง ธุรกิจประเภท Ecosystem Businesses จะเกิดการได้เปรียบในการแข่งขัน โดยแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ Ecosystem Partnerships คือ การหาพาร์ทเนอร์ธุรกิจที่ตอบโจทย์การดำเนินงานของเราได้ และ Ecosystem Corporate Sustainability คือ #การสร้างทรัพยากรทางธุรกิจขึ้นมาเอง
#อ้างอิง
ผู้เขียนโดย ผศ.ดร.ผศ.ดร.สุรัชดา เชิดบุญเมือง
ติดตามข่าวสารจาก ALL Retail Business Center ได้ที่